แบบทดสอบออนไลน์ แนวข้อสอบ ชุดที่ 52 พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 และแก้ไขเพิ่มเติมถึง(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 จำนวน 100 ข้อ พร้อมเฉลย
สรุปสาระสำคัญพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 และแก้ไขเพิ่มเติมถึง(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 ซึ่งกำหนดแนวทางปฏิบัติราชการเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและประเทศชาติ สามารถสรุปสาระสำคัญได้ดังนี้:
ส่วนที่ 1: บททั่วไป
- 
	การประกาศใช้: ตราขึ้นโดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2546 โดยอาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา 
- 
	คำนิยาม: "ส่วนราชการ" หมายถึง หน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม และหน่วยงานอื่นของรัฐที่อยู่ในกำกับของราชการฝ่ายบริหาร (ไม่รวมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) "รัฐวิสาหกิจ" และ "ข้าราชการ" (รวมถึงพนักงาน ลูกจ้าง) 
- 
	ผู้รักษาการ: นายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ 
- 
	เป้าหมายการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี (มาตรา 6): ประกอบด้วย 7 ประการ ได้แก่ เกิดประโยชน์สุขของประชาชน, เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ, มีประสิทธิภาพและเกิดความคุ้มค่า, ไม่มีขั้นตอนเกินจำเป็น, มีการปรับปรุงภารกิจ, ประชาชนได้รับการอำนวยความสะดวกและตอบสนองความต้องการ, และมีการประเมินผลการปฏิบัติราชการอย่างสม่ำเสมอ 
ส่วนที่ 2: การบริหารราชการเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน
- 
	เป้าหมาย: เพื่อความผาสุกและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน ความสงบและปลอดภัยของสังคม และประโยชน์สูงสุดของประเทศ (มาตรา 7) 
- 
	แนวทางการปฏิบัติ: ถือประชาชนเป็นศูนย์กลาง กำหนดภารกิจเพื่อวัตถุประสงค์ตามมาตรา 7 และสอดคล้องกับนโยบายของรัฐ ดำเนินการโดยซื่อสัตย์สุจริต ตรวจสอบได้ ก่อนดำเนินการต้องศึกษาวิเคราะห์ผลดีผลเสีย จัดให้มีกลไกตรวจสอบ โปร่งใส หากมีผลกระทบต้องรับฟังความคิดเห็นประชาชน ข้าราชการต้องรับฟังความคิดเห็นและความพึงพอใจของประชาชนเพื่อปรับปรุงการทำงาน และแก้ไขปัญหาอุปสรรคโดยเร็ว (มาตรา 8) 
ส่วนที่ 3: การบริหารราชการเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ
- 
	การจัดทำแผนปฏิบัติราชการ: ส่วนราชการต้องจัดทำแผนล่วงหน้า โดยระบุขั้นตอน ระยะเวลา งบประมาณ เป้าหมาย ผลสัมฤทธิ์ และตัวชี้วัดความสำเร็จ (มาตรา 9) 
- 
	การติดตามและประเมินผล: ต้องมีการติดตามและประเมินผลตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดและสอดคล้องกับมาตรฐานของ ก.พ.ร. (มาตรา 9 (3)) 
- 
	การบูรณาการ: ภารกิจที่เกี่ยวข้องหลายส่วนราชการต้องมีการบริหารราชการแบบบูรณาการร่วมกัน (มาตรา 10) 
- 
	การพัฒนาความรู้: ส่วนราชการมีหน้าที่พัฒนาความรู้ให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ และส่งเสริมพัฒนาข้าราชการ (มาตรา 11) 
- 
	มาตรการกำกับการปฏิบัติราชการ: ก.พ.ร. อาจเสนอ ครม. กำหนดมาตรการกำกับโดยการทำความตกลงเป็นลายลักษณ์อักษร (มาตรา 12) 
- 
	แผนการบริหารราชการแผ่นดิน: ครม. ต้องจัดให้มีแผนการบริหารราชการแผ่นดิน (แผน 4 ปี) โดยนำนโยบายรัฐบาลมาพิจารณาให้สอดคล้องกับแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐและแผนพัฒนาประเทศ (มาตรา 13, 14) 
- 
	แผนนิติบัญญัติ: สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีร่วมกันจัดทำแผนนิติบัญญัติให้สอดคล้องกับแผนการบริหารราชการแผ่นดิน (มาตรา 15) 
- 
	แผนปฏิบัติราชการของส่วนราชการ: ส่วนราชการจัดทำแผน 4 ปีให้สอดคล้องกับแผนการบริหารราชการแผ่นดิน และจัดทำแผนปฏิบัติราชการประจำปีเสนอรัฐมนตรีเพื่อขอรับงบประมาณ หากไม่ได้รับความเห็นชอบ สำนักงบประมาณจะไม่จัดสรรงบประมาณ และเมื่อสิ้นปีต้องรายงานผลสัมฤทธิ์ (มาตรา 16) 
- 
	การโอนงบประมาณและการปรับแผน: การโอนงบประมาณต้องได้รับอนุมัติจาก ครม. และปรับแผนให้สอดคล้อง (มาตรา 18) 
- 
	เมื่อนายกรัฐมนตรีพ้นตำแหน่ง: หัวหน้าส่วนราชการต้องสรุปผลการปฏิบัติราชการและให้ข้อมูลแก่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ (มาตรา 19) 
ส่วนที่ 4: การบริหารราชการอย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดความคุ้มค่าในเชิงภารกิจของรัฐ
- 
	การกำหนดเป้าหมาย: ส่วนราชการต้องกำหนดเป้าหมาย แผนงาน ระยะเวลา งบประมาณ และเผยแพร่ให้ทราบ (มาตรา 20) 
- 
	บัญชีต้นทุน: จัดทำบัญชีต้นทุนและคำนวณรายจ่ายต่อหน่วยของงานบริการสาธารณะ หากสูงกว่าของส่วนราชการอื่น ต้องทำแผนลดรายจ่าย (มาตรา 21) 
- 
	การประเมินความคุ้มค่า: สศช. และสำนักงบประมาณร่วมกันประเมินความคุ้มค่าในการปฏิบัติภารกิจเพื่อรายงาน ครม. (มาตรา 22) 
- 
	การจัดซื้อจัดจ้าง: ดำเนินการโดยเปิดเผย เที่ยงธรรม พิจารณาประโยชน์ ผลเสียทางสังคม คุณภาพ ราคา และประโยชน์ระยะยาว (มาตรา 23) 
- 
	การอนุญาต/อนุมัติ: ส่วนราชการต้องแจ้งผลการพิจารณาภายใน 15 วัน หากเกินกำหนดต้องประกาศระยะเวลา หากล่าช้าและเกิดความเสียหาย ถือว่าข้าราชการและหัวหน้าส่วนราชการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง (มาตรา 24) 
- 
	การวินิจฉัยชี้ขาดปัญหา: ส่วนราชการต้องพิจารณาวินิจฉัยโดยเร็ว การตั้งกรรมการทำได้เท่าที่จำเป็น (มาตรา 25) 
- 
	การสั่งราชการ: โดยปกติให้ทำเป็นลายลักษณ์อักษร หากเป็นวาจา ผู้รับต้องบันทึกและรายงานผู้สั่ง (มาตรา 26) 
ส่วนที่ 5: การลดขั้นตอนการปฏิบัติงาน
- 
	การกระจายอำนาจ: ส่วนราชการต้องกระจายอำนาจการตัดสินใจให้ผู้รับผิดชอบโดยตรง เพื่อความรวดเร็วและลดขั้นตอน โดยมุ่งผลให้เกิดความสะดวกและรวดเร็วในการบริการประชาชน และต้องกำหนดหลักเกณฑ์การควบคุม ติดตาม กำกับดูแล (มาตรา 27) 
- 
	หลักเกณฑ์ของ ก.พ.ร.: ก.พ.ร. อาจกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการกระจายอำนาจและความรับผิดชอบ (มาตรา 28) 
- 
	แผนภูมิขั้นตอนและระยะเวลา: จัดทำแผนภูมิขั้นตอนและระยะเวลาการดำเนินการ เปิดเผยไว้ ณ ที่ทำการและในระบบเครือข่ายสารสนเทศ (มาตรา 29) 
- 
	ศูนย์บริการร่วม: ปลัดกระทรวง ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ จัดให้ส่วนราชการในสังกัดจัดตั้งศูนย์บริการร่วม เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการติดต่อราชการ ณ จุดเดียว โดยมีเจ้าหน้าที่รับเรื่องและส่งต่อพร้อมให้ข้อมูลและเอกสารที่เกี่ยวข้อง (มาตรา 30, 31, 32) 
ส่วนที่ 6: การปรับปรุงภารกิจของส่วนราชการ
- 
	การทบทวนภารกิจ: ส่วนราชการต้องทบทวนภารกิจว่าสมควรดำเนินการต่อไปหรือไม่ โดยคำนึงถึงแผนการบริหารราชการแผ่นดิน นโยบาย ครม. กำลังเงินงบประมาณ ความคุ้มค่า และสถานการณ์อื่น (มาตรา 33) 
- 
	การยุบเลิก/โอน/รวมส่วนราชการ: ห้ามจัดตั้งส่วนราชการที่มีภารกิจคล้ายกันขึ้นอีก เว้นแต่มีการเปลี่ยนแปลงแผนการบริหารราชการแผ่นดิน มีเหตุผลจำเป็นเพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ เศรษฐกิจ หรือผลประโยชน์ส่วนรวม และได้รับความเห็นชอบจาก ก.พ.ร. (มาตรา 34) 
- 
	การทบทวนกฎหมาย: ส่วนราชการมีหน้าที่สำรวจ ตรวจสอบ และทบทวนกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ เพื่อยกเลิก ปรับปรุง หรือจัดทำขึ้นใหม่ ให้ทันสมัยและเหมาะสม (มาตรา 35) 
- 
	ข้อเสนอแนะจาก กฤษฎีกา: สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาอาจเสนอแนะให้ส่วนราชการแก้ไข ปรับปรุง หรือยกเลิกกฎหมายที่ไม่เหมาะสม (มาตรา 36) 
ส่วนที่ 7: การอำนวยความสะดวกและการตอบสนองความต้องการของประชาชน
- 
	การกำหนดระยะเวลาแล้วเสร็จ: ส่วนราชการกำหนดและประกาศระยะเวลาแล้วเสร็จของงาน หากไม่กำหนดหรือกำหนดล่าช้า ก.พ.ร. อาจกำหนดแทนได้ (มาตรา 37) 
- 
	การตอบข้อสอบถาม: ต้องตอบคำถามหรือแจ้งการดำเนินการภายใน 15 วัน (มาตรา 38) 
- 
	ระบบเครือข่ายสารสนเทศ: จัดให้มีระบบเครือข่ายสารสนเทศเพื่ออำนวยความสะดวกประชาชนในการติดต่อ สอบถาม ขอข้อมูล หรือแสดงความคิดเห็น (มาตรา 39, 40) 
- 
	การพิจารณาคำร้องเรียน: ส่วนราชการต้องพิจารณาดำเนินการคำร้องเรียน เสนอแนะ หรือความคิดเห็น และแจ้งผลให้ทราบ (มาตรา 41) 
- 
	การตรวจสอบกฎ/ระเบียบ: ส่วนราชการที่มีอำนาจออกกฎระเบียบ ต้องตรวจสอบว่ากฎนั้นเป็นอุปสรรคต่อส่วนราชการอื่นหรือไม่ (มาตรา 42) 
- 
	ความโปร่งใส: การปฏิบัติราชการโดยปกติให้ถือว่าเป็นเรื่องเปิดเผย เว้นแต่จำเป็นต้องเป็นความลับเพื่อประโยชน์บางประการ (มาตรา 43) 
- 
	การเปิดเผยข้อมูล: ส่วนราชการต้องเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับงบประมาณรายจ่าย การจัดซื้อจัดจ้าง และสัญญาต่างๆ ให้ประชาชนตรวจสอบได้ (มาตรา 44) 
ส่วนที่ 8: การประเมินผลการปฏิบัติราชการ
- 
	คณะผู้ประเมินอิสระ: จัดให้มีคณะผู้ประเมินอิสระเพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ของภารกิจ คุณภาพการให้บริการ ความพึงพอใจของประชาชน และความคุ้มค่า (มาตรา 45) 
- 
	การประเมินผู้บังคับบัญชา: อาจจัดให้มีการประเมินภาพรวมของผู้บังคับบัญชาหรือหน่วยงานเป็นความลับเพื่อประโยชน์แห่งความสามัคคี (มาตรา 46) 
- 
	การประเมินผลการปฏิบัติงานข้าราชการ: คำนึงถึงผลการปฏิบัติงานเฉพาะตัวและประโยชน์ที่หน่วยงานได้รับ (มาตรา 47) 
- 
	เงินเพิ่มพิเศษ/เงินรางวัล: กรณีที่ส่วนราชการมีคุณภาพและเป็นที่พึงพอใจ หรือเพิ่มผลงานโดยไม่เพิ่มค่าใช้จ่าย ก.พ.ร. อาจเสนอ ครม. จัดสรรเงินเพิ่มพิเศษหรือเงินรางวัลให้ (มาตรา 48, 49) 
ส่วนที่ 9: บทเบ็ดเตล็ด
- 
	อำนาจของ ก.พ.ร.: ก.พ.ร. อาจกำหนดให้ส่วนราชการต้องปฏิบัติการอื่นนอกเหนือจากที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกานี้ได้ (มาตรา 50) 
- 
	การจัดทำแผนงานซ้ำซ้อน: หากมีกฎหมายอื่นกำหนดให้จัดทำแผนงานในเรื่องเดียวกัน ให้ถือว่าการจัดทำแผนตามกฎหมายฉบับใดฉบับหนึ่งแล้วเป็นการจัดทำตามพระราชกฤษฎีกานี้ด้วย (มาตรา 51) 
- 
	องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น: ต้องจัดทำหลักเกณฑ์การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีตามแนวทางของพระราชกฤษฎีกานี้ โดยกระทรวงมหาดไทยมีหน้าที่ดูแลและช่วยเหลือ (มาตรา 52) 
- 
	องค์การมหาชนและรัฐวิสาหกิจ: ต้องจัดให้มีหลักเกณฑ์การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีตามแนวทางของพระราชกฤษฎีกานี้ หากไม่ดำเนินการหรือดำเนินการไม่ถูกต้อง ก.พ.ร. แจ้งรัฐมนตรีกำกับดูแลเพื่อสั่งการ (มาตรา 53) 
- 
	ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ: พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี 
หมายเหตุท้ายพระราชกฤษฎีกา:
- 
	เหตุผลในการประกาศใช้คือ เพื่อปฏิรูประบบราชการให้การปฏิบัติงานของส่วนราชการตอบสนองต่อการพัฒนาประเทศและให้บริการแก่ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยใช้วิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีตามที่มาตรา 3/1 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 กำหนดให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา 
แบบทดสอบ Pretest ชุดที่ 52 พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 และ(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 [จำนวน 20 ข้อ]
แบบทดสอบ Posttest ชุดที่ 52 พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 และ(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 [จำนวน 60 ข้อ]
แบบทดสอบเสมือนจริง ชุดที่ 52 พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 และ(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 [จำนวน 100 ข้อ พร้อมเฉลย]