สรุป "สไตล์" หรือ "แนวโน้ม" การออกข้อสอบของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรินวิโรฒ (มศว.)
จากการวิเคราะห์และเปรียบเทียบข้อมูลจากผู้เข้าสอบในอดีต (ที่ มศว. เคยจัดสอบ) และการประเมินจากสถาบันเตรียมสอบต่าง ๆ พอจะสรุป "สไตล์" หรือ "แนวโน้ม" การออกข้อสอบของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรินวิโรฒ (มศว.) ได้ดังนี้
จุดเด่นสำคัญของ มศว. คือ "เน้นการคิดวิเคราะห์และการประยุกต์ใช้" มากกว่าการท่องจำมาตอบแบบตรงไปตรงมา
ลักษณะเด่นของข้อสอบสไตล์ มศว.
เอกลักษณ์ของ มศว. ที่แตกต่างจากมหาวิทยาลัยอื่น (เช่น สวนดุสิต หรือ ม.บูรพา ที่เคยจัดสอบ) คือการออกข้อสอบที่มีความ "วิชาการ" และ "ซับซ้อน" คล้ายกับข้อสอบวัดระดับมาตรฐาน (เช่น GAT/PAT หรือ O-NET ในยุคก่อน) ข้อมูลอ้างอิงที่ชัดเจนที่สุดคือการสอบ กทม. ในปี 2566 ที่ผ่านมา ซึ่ง มศว. เป็นผู้จัดสอบ และแนวโน้มที่พบคือ:
-
โจทย์ยาวและเน้นการประยุกต์: ผู้เข้าสอบจะพบกับโจทย์ปัญหาที่ยาว มีข้อมูลประกอบเยอะ และต้องอ่านเพื่อตีความก่อน ไม่ใช่ถามสูตรหรือมาตราแบบตรง ๆ
-
ตัวเลือก (Choice) มีความซับซ้อน: ตัวเลือกที่ให้มามักจะ "เกือบถูก" หรือ "ถูกทั้งหมด แต่มีข้อที่ถูกที่สุด" บีบให้ผู้สอบต้องคิดวิเคราะห์อย่างรอบคอบ ไม่สามารถตัดตัวเลือกง่าย ๆ ได้
-
หลีกเลี่ยงการท่องจำ: ข้อสอบมักจะหลีกเลี่ยงคำถามที่ถามว่า "คืออะไร" "มีกี่ข้อ" "ใครเป็นประธาน" (เว้นแต่จำเป็นจริง ๆ) แต่จะเน้นถามว่า "จากสถานการณ์นี้ ควรทำอย่างไร" หรือ "ข้อใดไม่สอดคล้อง"
วิเคราะห์แนวโน้มรายวิชา (ภาค ก)
1. ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ (คณิตศาสตร์และเหตุผล)
นี่คือส่วนที่ มศว. โดดเด่นที่สุด
-
คณิตศาสตร์ทั่วไป: จะไม่ออกโจทย์แบบ "สูตรเดียวจบ" แต่จะเป็น "โจทย์ประยุกต์" (Word Problems) ที่ต้องวิเคราะห์หลายชั้น เช่น โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับร้อยละ, สมการ, สถิติ (ค่าเฉลี่ย) ที่ต้องตีความจากตารางหรือกราฟที่ให้มา
-
อนุกรม: อาจพบอนุกรมที่ซับซ้อนมากกว่า 1 หรือ 2 ชั้น
-
อุปมาอุปไมย: จะมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนขึ้น อาจต้องคิดเชื่อมโยงหลายตรรกะ
-
เงื่อนไขภาษา / เงื่อนไขสัญลักษณ์: ส่วนนี้ถือเป็นจุดแข็งของ มศว. คาดว่าจะมีความเข้มข้น ต้องตีความเงื่อนไขอย่างรัดกุม
2. วิชาภาษาไทย
มศว. ขึ้นชื่อเรื่องวิชาภาษาไทยอยู่แล้ว แนวโน้มคือ:
-
เน้นการอ่านจับใจความ: นี่คือหัวใจหลัก ข้อสอบส่วนใหญ่จะเป็นการอ่านบทความ (ยาว ๆ) แล้วตอบคำถามหลายข้อ เช่น ถามหาใจความสำคัญ, สรุปความ, ตีความ หรือถามความรู้สึกผู้เขียน
-
การเรียงลำดับประโยค: จะมีความซับซ้อน ตัวเชื่อมประโยคอาจจะไม่ชัดเจน ต้องอาศัยการตีความบริบท
-
หลักภาษา: จะไม่ออกหลักภาษาแบบลึก (เช่น บาลี-สันสกฤต จ๋า) แต่อาจจะถามในสิ่งที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น การใช้คำถูกต้อง, ประโยคกำกวม, ระดับภาษา
3. วิชาภาษาอังกฤษ
มาตรฐานทั่วไป เน้นการใช้งานจริง:
-
Reading (การอ่าน): บทความยาวและเนื้อหาค่อนข้างเป็นทางการ ถามเพื่อสรุปความและหาข้อมูลเฉพาะ (Skimming/Scanning)
-
Conversation: สถานการณ์ทั่วไป แต่ตัวเลือกอาจจะใกล้เคียงกัน
-
Vocabulary/Grammar: เน้นศัพท์ที่ควรทราบ และไวยากรณ์พื้นฐานที่ใช้บ่อย (Tense, Clause)
⚖️ ส่วนภาค ข (กฎหมาย)
สำหรับข้อสอบ ภาค ข (ความรู้เฉพาะตำแหน่ง) แม้ว่า มศว. จะเป็นผู้ออกข้อสอบ แต่เนื้อหาหลักยังคงต้องยึดตาม "พรบ. และ ระเบียบ" ที่ กสถ. กำหนด แต่ "สไตล์" ของ มศว. จะส่งผลต่อ วิธีการถาม ดังนี้:
-
แทนที่จะถาม: "พ.ร.บ. การจัดซื้อจัดจ้าง 2560 ใครเป็นผู้รักษาการ"
-
มศว. อาจจะถาม: "นาย ก. เป็นเจ้าหน้าที่พัสดุ พบว่าการจัดจ้างครั้งนี้อาจขัดต่อหลักการ ความคุ้มค่า ตาม พ.ร.บ. การจัดซื้อจัดจ้างฯ นาย ก. ควรเสนอความเห็นต่อผู้บังคับบัญชาโดยอ้างอิงหลักการใดเป็นสำคัญ" (เป็นการถามเชิงประยุกต์สถานการณ์)
-
ตุ๊กตาสถานการณ์ (Scenario): คาดว่าจะมีโจทย์สถานการณ์ยาว ๆ มา 1 เรื่อง แล้วใช้ตอบคำถาม 3-5 ข้อ โดยอ้างอิงกฎหมายหลายฉบับประกอบกัน
สรุปคำแนะนำ การเตรียมตัวสอบกับ มศว. คือ "ห้ามท่องจำอย่างเดียว"
-
อ่านให้ "เข้าใจ" หลักการ: เช่น พ.ร.บ. จัดซื้อจัดจ้าง (ที่คุณถามมา) ต้องเข้าใจ "หัวใจ" ของมันว่าทำไมต้องมี (เพื่อ คุ้มค่า โปร่งใส ตรวจสอบได้) ไม่ใช่แค่จำว่ามีกี่คณะ กี่วัน
-
ฝึกทำโจทย์วิเคราะห์: หาโจทย์คณิตศาสตร์และภาษาไทยที่เน้นการวิเคราะห์เยอะ ๆ (อาจลองดูแนวข้อสอบ ก.พ. ภาค ก ระดับ 3-4 หรือข้อสอบ GAT เชื่อมโยงเก่า ๆ)
-
ฝึกบริหารเวลา: โจทย์ยาว ตัวเลือกซับซ้อน จะทำให้เสียเวลามาก ต้องฝึกจับเวลาทำข้อสอบครับ